วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

  

Slot Machine

Rock/Alternative
การกลับมาของกลุ่มศิลปินโมเดิร์น ร็อค ที่อยู่ใน “ใจ” ของหลายคนที่ SONY BMG Music Entertainment (Thailand) นำเสนอวง Slot Machine ที่เคยฝากผลงานเพลงสุดฮิต อย่างเพลง “รอ” ที่แฟนเพลงติดอกติดใจกันมาแล้ว ที่มาของชื่อวง Slot Machine (สล็อต-เม-ชีน) นั้นเริ่มมาจากการที่พวกเขาต้องการเปลี่ยนชื่อวงจากชื่อเดิมว่า “อะลุ้มอะหล่วย” ซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นชื่อที่ไม่ค่อยเหมาะกับสไตล์เพลงร็อคและชื่ออะลุ้มอะหล่วยนั้นในความหมายของพวกเขาดูเหมือนไม่จริงจัง จึงคิดเห็นตรงกันว่าควรเปลี่ยนชื่อวง จากนั้นทั้ง 5 คนได้ช่วยกันคิดชื่อใหม่ เฟิร์ตชอบคำว่า Machine ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อนและการไหลลื่นไปกับจังหวะดนตรี จนมาลงตัวที่ชื่อ Slot Machine (สล็อต-เม-ชีน) ที่หมายถึงการพนัน การเสี่ยงโชค แต่ในความหมายของพวกเขานั้นหมายถึงความท้าทายในงานดนตรีที่พวกเขารัก
 
ประกอบด้วย
เฟิร์ส - ศริส  หอมหวล (ร้องนำ)
แก๊ก - อธิราช  ปิ่นทอง (เบส)
วิทย์ - เจนวิทย์ จันทร์ปัญญาวงศ์ (กีต้าร์)
ออโต้ - เศรษฐรัตน์ พังจุนันท์ (กลอง)

        Slot Machine (สล็อต แมชีน) ศิลปินร็อครุ่นใหม่ที่มาแรงและเป็นที่จับตามองมากที่สุดอีกวงหนึ่งในขณะนี้ จากผลงานสร้างชื่ออย่างเพลง “ผ่าน” ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการเพลงไทย ด้วยซาวนด์ดนตรีที่แตกต่างและเนื้อหาดีๆที่แฝงอยู่ในบทเพลง จนทำให้เพลงนี้คว้ารางวัล Song Of The Year จากเวที Seed Awards และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทางดนตรีอีกหลายสาขาจากหลายสถาบัน
        จากจุดเริ่มต้นของ First (เฟิร์ส - ร้องนำ) และ แก๊ก (เบส) 2 เพื่อนนักเรียนมัธยมจากโรงเรียนสาธิตศิลปากรที่ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ก่อตั้งวง “อะลุ้มอะหล่วย” และเริ่มฉายแววความสามารถด้วยการคว้ารางวัลจากการประกวดดนตรี อาทิเช่น รองชนะเลิศอันดับ 2 จากเวทีศิลปากร มิวสิคอะวอร์ด และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ฮอตเวฟ มิวสิค อะวอร์ด ครั้งที่ 6 
        ในปี 2547 ทั้ง 4 สมาชิกของ “อะลุ้มอะหล่วย” ก็ได้มีโอกาสออกอัลบั้มชุดแรกกับ โซนี่ มิวสิค บีอีซี-เทโร (ซึ่งต่อมาคือ โซนี่ บีเอ็มจี ในปัจจุบัน) โดยพวกเขาเลือกที่จะเปลี่ยนชื่อวงจาก “อะลุ้มอะหล่วย” มาเป็น “Slot Machine” โดยมีอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อวง มีเพลงดังอย่าง “รอ” บทเพลงในแนวบัลลาดร็อคที่เปิดโอกาสให้เฟิร์สได้โชว์พลังเสียงแบบเต็มๆ และแจ้งเกิดในฐานะนักร้องนำคุณภาพคนใหม่ของวงการเพลงไทย
        ปี 2549 Slot Machine มาพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 5 คน และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเพลงร็อคด้วยอัลบั้ม “Mutation” (มิวเทชั่น) งานเพลงคุณภาพที่สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยซาวนด์ดนตรีที่แปลกและแตกต่าง กับบทเพลงคุณภาพอย่าง “ผ่าน”, “คำสุดท้าย” และอีกหลายเพลงในอัลบั้ม ที่ส่งให้ Slot Machine ขึ้นทำเนียบวงร็อครุ่นใหม่ที่น่าจับตามองของยุคนี้
       นอกจากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทางดนตรีจากหลายสถาบันแล้ว ความสำเร็จของอัลบั้ม “Mutation” ยังเปิดโอกาสให้ Slot Machine ได้รับเชิญเป็นวงเปิดการแสดงให้กับคอนเสิร์ตของวงร็อคระดับโลก Linkin Park Live In Bangkok 2007 ที่ผ่านมาอีกด้วย   
 วันนี้ด้วยประสบการณ์ทางดนตรีและฝีมือที่พัฒนาขึ้น Slot Machine พร้อมแล้วที่จะนำเสนอผลงานชุดใหม่ อัลบั้มลำดับที่ 3 ที่ใช้ชื่อว่า “GREY” (เกรย์) งานเพลงที่ตอกย้ำความชัดเจนในตัวตน และแนวทางดนตรีของ Slot Machine ได้เป็นอย่างดี
         ทางวงใช้เวลากว่า 1 ปีในการสร้างสรรค์และกลั่นกรองบทเพลงใหม่ที่ดีที่สุด และใช้เวลาอีกกว่า 2 เดือนในการบันทึกเสียงผลงานชุดนี้ที่ Sexy Pink สตูดิโอ ซึ่งระหว่างการทำงานในอัลบั้มนี้ก็มีเหตุให้ทางวงต้องเปลี่ยนแปลงสมาชิกกลับมาเป็น 4 คนอีกครั้ง แต่ทั้ง 4 สมาชิกที่เหลือก็ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อไป
 โดยในอัลบั้มนี้ Slot Machine ยังคงร่วมงานกับ Scott Moffat (สก็อต มอฟแฟท) โปรดิวเซอร์ฝีมือดีจากแคนาดา ที่มีส่วนช่วยสร้างสรรค์ซาวดน์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์จากอัลบั้มชุดที่แล้ว และครั้งนี้ทางวงยังได้รับเครดิตในการเป็นโค-โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มโดยมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานเพลงทุกขั้นตอนอีกด้วย ส่งผลให้อัลบั้มชุดนี้มีความชัดเจน, เฉียบคมและเป็นเอกภาพมากขึ้นในด้านดนตรี ร่วมด้วยเนื้อเพลงที่สละสลวยงดงามแฝงความหมายและแง่คิดมากมาย จากการบรรจงเลือกใช้ภาษาและถ้อยคำในแต่ละเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ไม่บ่อยนักในงานของศิลปินยุคนี้
        เปิดตัวด้วย “ฝัน” ซิงเกิ้ลแรกที่สามารถบ่งบอกความเป็น Slot Machine ได้เป็นอย่างดีด้วยซาวนด์ดนตรีที่มีเอกลักษณ์, ท่วงทำนองไหลลื่น, เนื้อเพลงสละสลวย เรียบง่าย ความหมายดี และที่ขาดไม่ได้ก็คือพลังเสียงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ“เฟิร์ส”นักร้องนำนั่นเอง
        ร่วมด้วยเพลงดีๆอีกมากมาย อาทิ “หากฉันตาย”บทเพลงสโลว์ร็อคตีแผ่ความในใจของเฟิร์สเจ้าของเนื้อเพลงนี้ได้อย่างหมดเปลือกและน่าจะโดนใจใครอีกหลายๆคน, “เหนือกาลเวลา”บทเพลงที่งดงามทั้งท่วงทำนองและเนื้อหา จนคุณสามารถหลับตาและปล่อยใจให้ซาบซึ้งไปกับเพลงนี้ได้อย่างง่ายดาย, “ลืมโลก” การผสมผสานระหว่างเพลงร็อคและเพลงแดนซ์จนกลายเป็นอีกเพลงเด่นในอัลบั้มนี้, “เวิ้งว้าง” เพลงร็อคบรรยากาศย้อนยุค ที่แฝงอารมณ์เหงาจนถ่ายทอดมาเป็นเนื้อเพลงและชื่อเพลงนี้         
        นอกจากภาคดนตรีที่แข็งแรงแล้ว ในอัลบั้มนี้ Slot Machine ยังโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ทางวงภูมิใจนำเสนอ ในขณะที่วงอื่นๆสวมเพียงเสื้อยืด – กางเกงยีนส์ แต่ Slot Machine เลือกที่นำแฟชั่นด้วยการจะออกแบบชุดที่พวกเขาสวมใส่เองให้ดูแปลกและแตกต่างออกไป แถมยังรับหน้าที่ดูแลคอนเซ็ปท์ด้านภาพ (Visual Concept) ทั้งหมดของอัลบั้มนี้ด้วย ตั้งแต่การออกแบบเครื่องแต่งกาย, ทรงผม, ไปจนถึงการถ่ายภาพนิ่ง และมิวสิควิดีโอเลยทีเดียว 
        ในยุคที่เต็มไปด้วยผลงานเพลงมากมายจากทั้งจากค่ายใหญ่และอินดี้ ยุคที่การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังกลายเป็นเรื่องปกติ ยุคที่คนส่วนใหญ่ฟังเพลงแค่ผ่านหูเพื่อประดับความรู้ไม่ให้ตกยุค จะมีสักกี่เพลงถูกถ่ายทอดและเรียบเรียงอย่างบรรจง จะมีสักกี่คนที่ยังคงตั้งใจทำงานในแนวของตัวเองอย่างชัดเจน และจะมีสักกี่คนที่คู่ควรกับคำว่าศิลปินอย่างแท้จริง ร่วมหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ได้ในอัลบั้ม “GREY” (เกรย์) จาก Slot Machine 19 มิถุนายนนี้ แน่นอน

ผลงานที่ผ่านมา
อัลบั้ม
2547  SLOT MACHINE
2549 MUTATION
รางวัลทางดนตรี
SEED AWARDS ครั้งที่ 2 - มกราคม 2550
เพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี SEED SONG OF THE YEAR - "ผ่าน"
ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล
SEED AWARDS ครั้งที่ 2 - มกราคม 2550
รางวัลเพลงยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี    SEED SONG OF THE YEAR - "ผ่าน"
รางวัลอัลบั้มร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี  SEED ROCK ALBUM OF THE YEAR - "Mutation"
รางวัลศิลปินร็อกยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี  SEED ROCK ARTIST OF THE YEAR
รางวัลมิวสิควีดีโอยอดเยี่ยมสุดซี้ดประจำปี  SEED MUSIC VDO OF THE YEAR - "คำสุดท้าย"
รางวัลสีสัน อวอร์ดส ประจำปี2549
ศิลปินกลุ่มร็อค ยอดยี่ยม
Music Express Awards 2006
เพลงไทยยอดเยี่ยม - "ผ่าน"
อัลบั้มเพลงไทยยอดเยี่ยม - "Mutation"
คอนเสิร์ต
คอนเสิร์ต "คืนกลายพันธุ์" - (24 ธันวาคม 2549)
Pattaya International Music Festival 2007 - (17 มีนาคม 2550)
Melody Of Life ครั้งที่ 2 - (24 มีนาคม 2550)
เทศกาลดนตรีอัลเทอร์เนทีฟไทย - (28 กรกฏาคม 2550)
Linkin Park - Live In Bangkok 2007 (11 พฤศจิกายน 2550)


สมาชิก
•   อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) - ร้องนำ
•   ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) - เบส
•   สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) - กลอง
•   ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) - กีตาร์
อดีตสมาชิก
•   รัฐพล พรรณเชษฐ์ (เภา) - กีตาร์
หลังจากแยกจากบอดี้สแลม รัฐพลออกอัลบั้มเดี่ยว ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ในเครือแกรมมี่ มีเพลงฮิต เช่น คนไม่มีปีก ซ้ำไปซ้ำมา
ประวัติ
วงละอ่อน เกิดจากการรวมตัวของเด็กนักเรียน 6 คน จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (ละอ่อน เป็นภาษาถิ่นของภาคเหนือ แปลว่าเด็กๆ, คนที่อายุน้อยกว่า และเป็นชื่อประเพณีวันรับน้องของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นประเพณีรับน้องระดับชั้นม.1 ที่จัดโดยรุ่นพี่ปี1 และ ม.6 ในปีนั้นๆ)
พ.ศ. 2539 รายการวิทยุ Hot Wave ได้จัดงานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาชื่อ Hot Wave Music Awards ขึ้นเป็นครั้งแรก วงละอ่อนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศ จากจำนวนวงดนตรีจำนวนมากที่เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้วงละอ่อนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด มิวสิกบั๊กส์ และออกอัลบั้มแรกในชื่อ ละอ่อน โดยมีเพลงดังคือเพลง ได้หรือเปล่า และ นิดนึงพอ (นิดนึงพอ บรรเลงและขับร้องโดย วงละอ่อน แต่เป็นรุ่นที่สอง นักร้องนำคือ ปั้น เจษฎา ที่เข้ามาแทนตำแหน่งของ ตูน อาทิวรา เพื่อประกอบเรื่อง เทพนิยายนายเสนาะ ปัจจุบัน ปั้น เจษฎา เป็นสมาชิกวง Basher นอกจากนี้เพลง นิดนึงพอ ยังมี version ที่บรรเลงและขับร้องโดยวง Friday (Friday I'm in love) อีกด้วย) เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี (ส่วนหนึ่ง) ของวงละอ่อน ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด Hot Wave Music Award ครั้งที่ 1 และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตแตกต่าง และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจจนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง ได้หวนกลับมาสนใจเล่นดนตรีอีกครั้ง และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยงานเพลง และ"ปิ๊ด" ก็กลับมาช่วยทำงานเพลงในรูปแบบใหม่ และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Bodyslam ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ที่มาของชื่อบอดี้สแลม
จากคำอธิบายของพวกเขาเอง ที่มาของชื่อนี้มาจากท่าๆ หนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว BODY แปลว่าร่างกาย SLAM คือการทุ่ม เมื่อพอมารวมกันเป็น BODYSLAM ก็หมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว
ผลงานอัลบั้มเต็ม
•   อัลบั้ม Bodyslam (พ.ศ. 2545) วางแผง 9 กรกฎาคม 2545 พวกเขาส่วนหนึ่งได้กลับมารวมตัวกันในชื่อ Bodyslam ภายใต้การดูแลของทีมนักทำเพลงที่ชื่อว่า Mango Team ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับที่ดูแลผลงานเพลงของวง บิ๊กแอส โดยเหลือ สมาชิกเพียง 3 คนจาก 6 คนเท่านั้น ผลงานเพลงชุดแรกชื่อ Bodyslam ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลังจากที่เพลง "งมงาย" "อากาศ" "สักวันฉันจะดีพอ" และ "ย้ำ" ที่ได้รับความสำเร็จอย่างดี
o   รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
ทางของฉัน ฝันของเธอ
อากาศ
เผื่อไว้
ยกโทษ
ย้ำ
นาทีสุดท้าย    ผมไม่สู้
งมงาย
สักวันฉันจะดีพอ
มือใหม่
Away
ป่านนี้
•   อัลบั้ม Drive (พ.ศ. 2546) วางแผง 9 กันยายน 2546 ภายในระยะเวลา 1 ปีให้หลัง บอดี้สแลมได้ออกอัลบั้มแรก ( ตูน ปิ๊ด เภา ) ก็ได้ออกอัลบั้ม Drive (ไดร์ฟ) กับเพลง "ความซื่อสัตย์" เพลงโปรโมทแรกจากอัลบั้ม "Drive" และมีเพลงอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น "ปลายทาง" ,"หวั่นไหว" และเพลงอื่น ๆในอัลบั้มอย่างเช่น "ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่" "Bodyslam" "จันทร์ยังเต็มดวง" และ "หลังฝน"
o   รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
ให้รักคุ้มครอง
ความซื่อสัตย์
ชึวิตที่ฉันเหลืออยู่
หวั่นไหว
Bodyslam    ปลายทาง
หลังฝน
มีแค่เธอก็เกินพอ
จันทร์ยังเต็มดวง
ภาพลวงตา
•   อัลบั้ม Believe (พ.ศ. 2548) วางแผง 22 เมษายน 2548 หลังจากออกอัลบั้ม Drive พวกเขาก็ออกจากค่ายมิวสิกบั๊กส์และเซ็นต์สัญญากับ จีนีส์ เรคอร์ด ซึ่งอยู่ในสังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่สังกัดเดียวกับศิลปินรุ่นพี่วงบิ๊กแอส (BIG ASS) มีการเปลี่ยนแปลงภายในวงเกิดขึ้นเมื่อ เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์ มือกีตาร์ของวงก็ได้ขอแยกตัวออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว (ในชื่อ Present Perfect) สังกัด ค่ายสนามหลวง โดยมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาคือ ยอด-ธนชัย ตันตระกูล มือกีตาร์ที่เคยเป็นนักดนตรีแบ็คอัพให้กับศิลปินในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในตำแหน่งมือกีตาร์ กับ ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด ในตำแหน่งมือกลอง และพวกเขาก็ออกอัลบั้ม Believe กับค่ายเพลงแห่งใหม่ โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรกกับเพลง "ขอบฟ้า" ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีอีกหลายเพลงที่ได้รับความนิยม เช่น "ความรักทำให้คนตาบอด" "พูดในใจ" "คนที่ถูกรัก" และเพลงได้มีแขกรับเชิญพิเศษ "แอ๊ด คาราบาว" ในเพลง "ความเชื่อ" ยังมีเพลงอืนๆ อาทิ "ห้ามใจ" "รักก็เป็นอย่างนี้"
o   รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
ชีวิตเป็นของเรา
ขอบฟ้า
คนที่ถูกรัก
ความรักทำให้คนตาบอด
ความเชื่อ Feat.แอ๊ด คาราบาว    พูดในใจ
รักก็เป็นอย่างนี้
ห้ามใจ
ไม่รู้เมื่อไหร่
เจ็บจนวันนี้
•   Special
1.   ทั้งรักทั้งเกลียด (Tribute to กุ้ง ตวงสิทธิ์)
•   Special (พ.ศ. 2548)
1.   ให้รักพาสองเราไปด้วยกัน (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณามอเตอร์ไซค์ Yamaha Spark 135)
2.   เรา (เพลงพิเศษที่ใช้ร้องร่วมกับวง บิ๊กแอส ในงานคอนเสิร์ต BigBody Concert ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี)
3.   พลังดนตรี (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณา เครื่องดื่ม M-150) เฉพาะ ตูน โฆษณานี้ ตูน ถ่ายร่วมกับ เอกรัตน์ วงษ์ฉลาด (แด๊กซ์ BIG ASS),
เสกสรรค์ สุขพิมาย (เสก LOSO),ลานนา คัมมินส์,อ.ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า (ขุนอินทร์)
•   Special (พ.ศ. 2550)
1.   ชนะใจตัวเอง (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาเครื่องดื่ม M-150 มีนาคม 2550)
2.   สัญญาณในใจ (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณารถจักรยานยนต์ Yamaha Spark 135 X Series) ร้องร่วม กับ ณัฐพล พุทธภาวนา (โต HANGMAN)
•   Special (พ.ศ. 2551)
1.   Walk out your step (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาเครื่องดื่ม M-150 2551)
•   อัลบั้ม Save My Life (พ.ศ. 2550) วางแผง 18 กันยายน 2550 เพลงเปิดตัวเพลงแรก "ยาพิษ" ได้ออกสู่ผู้ฟัง ได้รับการตอบรับไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหาและความหนักหน่วงทางดนตรีที่เพิ่มขึ้นมาก (มีดนตรีแนว Alternative ให้เห็นอย่างเด่นชัด) เมื่อได้ฟังเพลงทั้งหมดของอัลบัมนี้แล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่า ดนตรีได้มีการเปลี่ยนแนวไป ในการฟังครั้งแรก ก็จะพบว่าเพลงดีมีอยู่ อย่างเช่น ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ อกหัก นาฬิกาตาย นี่เป็นการเปลี่ยนแนวครั้งยิ่งใหญ่ ของ BODYSLAM อัลบั้มนี้ ตูนได้แต่งเพลงเองสองเพลงคือเพลง แค่หลับตา ซึ่งเพลงนี้ตูนได้ร้องคู่กับปนัดดา เรืองวุฒิ และเพลงขอบคุณน้ำตา และอีกเพลงที่ตูนแต่งเพลงร่วมกับขจรเดช พรมรักษาหรือ กบ Big Ass โปรดิวเซอร์ก็คือเพลง ยาพิษ และเป็นที่น่ายินดี สำหรับเพลง เสี้ยววินาที ที่เป็นเพลงประกอบโฆษณา 24thSea Games 2007 Information Center Nakhon Ratchasima THAILAND
o   รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
ยาพิษ
อกหัก
ท่านผู้ชม
ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ
แค่หลับตา Feat. ปนัดดา เรืองวุฒิ    เสี้ยววินาที
คนมีตังค์
แสงแรก
นาฬิกาตาย Feat. โก้ Mr.Saxman
ขอบคุณน้ำตา
•   อัลบั้ม Project "PLAY" (พ.ศ. 2552) เป็นอัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่ามนตำนานของ Gmm Grammy มา cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง
1.   เสียดาย
อัลบั้ม คราม (พ.ศ. 2553) วางแผง 9 มิถุนายน 2553คราม
ความรัก                  สติ๊กเกอร์
คิดฮอด feat.ศิริพร อำไพพงษ์            ทางกลับบ้าน  
แสงสุดท้าย               ปล่อย feat.ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก)
เปราะบาง (เพลงที่ยาวที่สุดในอัลบั้ม และของวง)      โทน
เงา
ผลงานพิเศษ
ขอความสุขคืนกลับมา (พ.ศ. 2553) แต่งโดย นิติพงษ์ ห่อนาค ทาสทักษิณ พวกเสื้อแดง เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกทม. และให้ดารานักแสดงและนักร้องมาร่วมร้องเพลงนี้ล่าสุดทางวงได้มีโอกาสไปเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองต่างในสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นการปิดท้ายอัลบั้มก่อนไปเล่นคอนเสิร์ตต่างประเทศ พวกเขาได้จัดปาร์ตี้ขึ้น ในวันที่ 26 เมษายน 2552 โดยใช่ชื่อว่า "BODYSLAM THANK YOU PARTY" ซึ่งเป็นปิดท้ายอัลบั้มในไทย และหลังจากจบคอนเสิร์ตที่สหรัฐอเมริกา ตูนนักร้องนำของวงได้เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดเกาะทอง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2552 และมีกำหนดลาสิกขาบทในวันที่ 8 มิถุนายน 2552 และจากนั้นพวกเขาก็ได้เริ่มทำอัลบั้มใหม่ต่อไป...

อัลบั้ม  Bodyslam   
อัลบั้ม Drive    
อัลบั้ม  Believe                 อัลบั้ม Save My Live     อัลบั้ม คราม  
อัลบั้มพิเศษ
เป็นอัลบั้มพิเศษที่ค่ายมิวสิค บักส์รวมเพลงของ Bodyslam มาทำทำนองใหม่ ดนตรีใหม่ โดย เพลงในอัลบั้มพิเศษนั้นเป็นการรวมเพลงตั้งแต่อัลบั้ม Bodyslam ถึง Drive และยังรวมถึงอัลบั้มของวงละอ่อนอีกด้วย
•   อัลบั้ม In Love
อากาศ
งมงาย
ย้ำ    ทางของฉัน ฝันของเธอ
จันทร์ยังเต็มดวง
ปลายทาง    หวั่นไหว
ชีวิตที่เหลืออยู่
หลังฝน    ป่านนี้
•   อัลบั้ม In Love 2
ความซื่อสัตย์
สักวันฉันจะดีพอ
ได้หรือเปล่า    เผื่อไว้
ยกโทษ
มือใหม่    Bodyslam
นาทีสุดท้าย
ให้รักคุ้มครอง    ภาพลวงตา
•   อัลบั้ม Remix
ปลายทาง
อากาศ
ได้หรือเปล่า    ทางของฉัน ฝันของเธอ
นาทีสุดท้าย
มือใหม่    ย้ำ
งมงาย
ยกโทษ    หวั่นไหว
•   อัลบั้ม The Birth of Bodyslam : La-On
สมควร
ได้หรือเปล่า
เฮ้อ...คืนนี้    Nana น้องๆ
ให้เธอรู้
ปิดตา...ให้ทาย    Hey You!
เพื่อนที่เข้าใจ
Nothing
   ได้หรือเปล่า (เวอร์ชัน...ถามอีกที)
คอนเสิร์ต
บอดี้สแลมมีคิวการแสดงคอนเสิร์ตตามงานต่างจังหวัดมากมาย และมีคอนเสิร์ตใหญ่ อยู่ 5 ครั้ง คือ
•   วันเที่ 17 เมษายน 2547 คอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE : BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์( ท่าพระจันทร์ ) ที่ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทางคลื่นร้อน 91.5 Hot Wave จัดให้ตามคำขอของเหล่าสาวกแฟนคลับของทั้ง 3 หนุ่ม ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก, เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด อ๊อฟ บิ๊กแอสส์ ป๊อด โมเดิร์นด็อก
•   14 พฤษภาคม 2548 คอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลก ( Earth day ) ในชื่อ "Bodyslam Believe Concert" ที่Thunder Dome เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ( บอย PEACEMAKER ) และ เภา - รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ BODYSLAM ปัจจุบันออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อ PAO PRESENT PERFECT
•   9 ตุลาคม 2548 คอนเสิร์ต BIG BODY ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีจัดร่วมกับวงร็อกรุ่นพี่ บิ๊กแอส
•   22 เมษายน 2549 คอนเสิร์ต M-150 สุดชีวิตคนไทย ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ร่วมกับ บิ๊กแอส โปเตโต้ เสก โลโซ ลานนา คัมมินส์ ทาทายัง และ ไมค์ ภิรมย์พร
•   20-21 ตุลาคม 2550 BODYSLAM มีคอนเสิร์ตครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า BODYSLAM SAVE MY LIFE CONCERTที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยวันที่ 20 ต.ค. มีแขกรับเชิญ 3 คน คือ โก้ Mr.Saxman(เพลง นาฬิกาตาย) , ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์(เพลง ความเชื่อ,แม่) และ ปนัดดา เรืองวุฒิ(เพลง แค่หลับตา) ส่วนวันที่ 21 ต.ค. ก็มี 3 คนเช่นกัน คือ โก้ Mr.Saxman(เพลงนาฬิกาตาย) , แอ๊ด คาราบาว(เพลง ความเชื่อ,รักต้องสู้) และ ปนัดดา เรืองวุฒิ(เพลง แค่หลับตา)
•   5 กรกฎาคม 2551 BODYSLAM คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า EVERY BODYSLAM CONCERTที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีโดยมีศิลปินรับเชิญคือ ฟักแฟง โน มอร์เทียร์-ไปรยา มลาศรี(เพลง แค่หลับตา) และ บุดด้าเบลส(เพลง Low และ Bump Boom Boom)
รางวัล
ในปี พ.ศ. 2549 บอดี้สแลมได้เข้าชิงหนึ่งใน 5 งานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดสสาขาศิลปินยอดนิยมประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ ตูน บอดี้สแลม ก็ได้เข้ารับรางวัล ลูกกตัญญูดีเด่นเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 2549 ร่วมกับศิลปินอื่นวงอื่น ๆ เช่น แบงค์ CLASH
ปีพ.ศ. 2551
•   สีสันอวอร์ด ครั้งที่ 20: ศิลปินกลุ่มร็อคยอดเยี่ยม, อัลบั้มร็อคยอดเยี่ยม(Save my live) และเพลงร็อคยอดเยี่ยม(ยาพิษ)
•   FAT AWARDS ครั้งที่ 6: Record of The Year(ยาพิษ)
•   Music Express Awards 2007: วงดนตรียอดนิยม, มิวสิควีดีโอยอดนิยม(ยาพิษ)
และรางวัลจากเวทีอื่นๆ

วง Gun n' Roses ประวัติ


สำหรับยุค 80 คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักพวกเค้า นับตั้งแต่อัลบั้มแรกออกวางตลาด พวกเค้าก็ครอบครองโลกใบนี้ไว้ในอุ้งมือ เหอๆ เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Gun N Roses เอาล่ะ ไปรู้จักพวกเค้าให้ดีกว่านี้ดีกว่าครับ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 1962 ไอ้หนู Axl Rose หรือ William Bailey (นามสกุลยังกะแดง ไบเล่เลยวุ้ย) ก็ถือกำเนิดขึ้น ถัดมาไม่กี่วัน 8 เมษายนปีเดียวกัน Izzy Stradlin [Jeff Isbell] ก็คลานออกมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1964 Duff McKagan [Michael McKagan] ก็ตามมาอีกคน วันที่ 22 มกราคม 1965 Steven Adler ก็เกิดตามมา คนสุดท้าย วันที่ 23 กรกฏาคม 1965 ไอ้ฟู Slash (Sual Hudson) ก็เกิดมาจนได้ ช่วงประมาณปี 1972-1976 Steven Adler กับ Slash ก็ย้ายไปร้อยเอ็ด เอ้ย... Los Angelis ตั้งแต่ปี 1976 -1983 ไอ้พวกที่เอ่ยๆ ชื่อมาข้างบนนั่นน่ะ ก็ต่างคนต่างเล่นดนตรีไปตามเรื่องตามราว โดยที่เจอกันบ้าง แต่ไม่ได้มีอะไรไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพเท่านั้น แต่.... ช่วงปลายๆ ปี 1983 Axl ก็ได้พบกับ Izzy และ Chris Weber และ Johnny Kreiss แล้วก็ตั้งวงดนตรีขึ้นชื่อว่า A.X.L และภายหลังก็เปลี่ยนมาเปง Rose ในภายหลัง แต่สุดท้ายพวกเค้าก็เปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งคือ Hollywood Rose ปลายปี 1984 Izzy ก็แยกตัวไปอยู่วง London กับ Chris Weber และ Axl ก็ลาออกจากวง Hollywood Rose และไปฟอร์มวงใหม่ชื่อว่า LA. Gun โดยมีสมาชิกอีกสองคนก็คือ Ole Beich และ Rob Gardner พอสิ้นปี 1984 Hollywood Rose ก็กลับมารวมตัวเฉพาะกิจอีกครั้ง และ Tracii Guns ก็เข้ามาแทน Chris Weber



พอสิ้นปี 1984 Hollywood Rose ก็กลับมารวมตัวเฉพาะกิจอีกครั้ง และ Tracii Guns ก็เข้ามาแทน Chris Weber ต้นปี 1985 Duff ตัดสินในหันมาเล่นเบส และได้พบกับ Steven Adler กะ Slash โดยที่ตอนนั้นพวกเค้าก็ฟอร์มวงขึ้นมาคือ Road Crew และ Slash ก็โชว์ท่อน Riff ที่คิดขึ้นมาสดๆ ซึ่งภายหลังก็คือเพลง Paradise City นั่นเอง 26 มีนาคม 1985 LA Gun และ Hollywood Rose ก็มารวมตัวกันโดยใช้ชิ่อว่า Gun N Roses โดยที่พวกเค้าไม่ยอมรับชื่อวงอีก 2 ชื่อก็คือ Head of Amazon และ AIDS โดยที่มีสมาชิกดังนี้ Axl Izzy Tracii Guns Beich และ Gardner ต่อมา Duff ก็เข้ามาแทน Beich และนี่ก็คือรายชื่อสมาชิก Gun N Roses ในยุคก่อตั้ง W. Axl Rose (vocals) Izzy Stradlin (guitar) Tracii Guns (guitar) Duff McKagan (bass) Rob Gardner (drums) ต่อมา ในวันที่ 6 มิถุนายน 1985 Slash กับ Steven Adler ก็เข้ามาแทน Tracii Guns และ Rob Gardner ช่วงปลายปี 1985 G N R ก็เริ่มแต่งเพลงของตัวเอง หลังจากที่เล่นเพลงของคนอื่นมานาน โดยที่เพลงเหล่านั้นก็คือ Welcome To The Jungle Reckless Life It s So Easy และ Don t Cry ช่วงนี้พวกเค้าได้รับความนิยมอย่างมาก คลับที่พวกเค้าไปแสดงได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม โดยที่คลับเหล่านั้นก็ต้อนรับศิลปินระดับโลกมาแล้วมากมาย คลับพวกนี้ก็คือ Whisky a Go-Go Roxy The Water Club Troubadour 25 มีนาคม 1986



พวกเค้าก็ได้เซ็นสัญญากับ Geffen Record และพวกเค้าก็เริ่มทำอัลบั้ม Appertite for Destruction ประมาณปลายปี 1986 พวกเค้าก็อัดอัลบั้มแรกเสร็จ ทาง Geffen ก็วางแผนว่าจะวางจำหน่ายอัลบั้มนี้ในเดือนกรกฏาคม 1987 และทาง Geffen ก็ปล่อย EP ของพวกเค้าออกมาก็คือ Live Like A Suicide 15 มิถุนายน 1987 Single It s so easy และ Mr.Brownstone ก็วางจำหน่าย และแล้ว 21 กรกฏาคม 1987 อัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ Appertite for Destruction ก็ออกวางจำหน่ายในอเมริกา และเดือนสิงหาคม ก็วางจำหน่ายที่อังกฤษ 29 กันยายน - 8 ตุลาคม 1987



ทางวงออกทัวร์ในยุโรป โดยที่ไปจบที่ Hammersmith Odeon ในลอนดอน โดยในระหว่างทัวร์ที่ Amsterdam Axl ก็พ่นคำนี้ออกมา people like Paul Stanley from Kiss can suck my dick! And some of these old guys that say we re ripping them off maybe they should listen to some of their earlier albums and remember how to play them ไปแปลกันเอาเองเน้อ เดือนพฤศจิกายน 1987 พวกเค้าร่วมทัวร์กับ Motley Crue Slash กับ Steven Adler ก็ช่วย Nikki Sixx (มือเบสจอมระห่ำ) จากอาการช๊อกยา 23 เมษายน 1988 Appertite for Destruction ก็ติดอันดับ 10 ของ Billboard จนได้ 23 กรกฤาคม 1988 อัลบั้มนี้ก็ขึ้นไปจนถึงอันดับ 1 ของ BillBoard 30 พฤศจิกายน 1988 ทาง Geffen และทางวงก็ปล่อยอัลบั้มซึ่งเป็นงานรวมเพลงเก่าๆ ของพวกเค้า และเพลงที่เล่นในแบบ Acoustic ออกมาคือ Lies! The Sex The Drugs The Violence The Shocking Truth แต่หลายๆ คนบอกว่ายาวชิบหาย ก็เลยเปลี่ยนเป็น G N R Lies ในช่วงนี้พวกเค้าก็ออกทัวร์อีกมากมาย จนเกิดเรื่องเกิดราวเยอะแยะ แต่ไม่มีเหตุการไหนที่จะโด่งดังเท่าอันนี้ 11 กันยายน 1989 G N R ได้รับรางวัล Best Heavy Metal/Hard Rock Video ได้จากเพลง Sweet Child O Mine แต่หลังเวที Vince Neil ต่อยปาก Izzy จนปากของ Izzy แหกเพราะแหวนที่นิ้ว และบังเอิญชิบที่กล้องสามารถจับภาพนั้นได้ด้วย อุอุ



ดือนกุมภาพันธ์ 1990 Darren (Dizzy) Reed เข้ามาร่วมวงในตำแหน่ง Keyboard 11 กรกฏาคม 1990 Steven Adler ถูกไล่ออกจากวงเนื่องจากไม่หยุดเสพยา และผู้มาแทนก็คือ Matt Sorum จากวง The Cult ช่วงเดือนกันยายน 1990 พวกเค้ามีเพลงอยู่ในกำมือถึง 36 เพลง โดยที่จะตั้งชื่ออัลบั้มว่า Use Your Illusion ตามภาพเขียนของ Mark Kostabi โดยที่ทาง Geffen และ ทางวงจะวางขายเป็นอัลบั้มคู่ และในหนึ่งอัลบั้มจะมี 2 แผ่นด้วยกัน 9 พฤศจิกายน 1990 Axl Slash Duff Sebastian Bach (Skid Row) James Hetfields & Kirk Hammett และ Lars Ulrich ร่วมตัวกันในงาน RIP magazine s party ที่ Hollywood Palladium โดยใช้ชื่อวงว่า GAK และเล่นเพลง You re Crazy For Whom The Bell Tolls Piece Of Me Hair Of The Dog Whiplash (#1) and Whiplash (#2) 20 - 23 มกราคม 1991 ทางวงได้ไปเปิดคอนเสิร์ทที่ Rio de Janeiro ท่ามกลางคนดูจำนวนมหาศาล สองรอบรวมกัน 260,000 คน!!! 25 มิถุนายน 1991 You re could be mind ออกวางจำหน่ายใน US. และเพลงนี้ก็ได้นำไปเป็น Soundtrack ในหนังเรื่อง Terminator2 : Judgememt Day โดยที่มีพี่กล้าม Arnold Schwarzenegger ได้มาเปนพระเอกมิวสิกด้วยล่ะ กักๆๆ ในช่วงนี้ทางวงก็ไปทัวร์คอนเสิร์ทในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย โดยที่ทางวงก็ได้ก่อเรื่องก่อราวมากมายมหาศาล เช่นพังห้องพัก ทุ่มทีวีลงมาจากห้องพัก เหล้า ผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าตั๋วทุกใบจำหน่ายเกลี้ยง รวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 370 000
16 กันยายน 1991 Use Your Illusion I&II ออกวางจำหน่ายที่ยุโรป 17 กันยายน 1991 Use Your Illusion I&II ออกวางจำหน่ายที่อเมริกา น่าแปลกที่ชุด II ออกวางจำหน่ายก่อน และแปลกกว่าก็คือทั้งสองอัลบั้ม ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ใน Billboard ทันที ซุ๊ดหยอดว่ะ 7 พฤศจิกายน 1991 Izzy Stradlin ลาออกจากวงและผู้ที่มาแทนก็คือ Gilby Clarke จากวง Kill For Thrills และสมาชิกยุคนี้ก็คือ W. Axl Rose (lead vocals piano) Slash (lead guitar backing vocals) Duff McKagan (bass backing vocals) Gilby Clarke (rhythm guitar backing vocals) Dizzy Reed (keyboards percussion) Matt Sorum (drums backing vocals) และในโชว์คอนเสิร์ทที่ Worcester MA. โดยที่มี Soundgarden มาเป็นวงเปิด ทางวงก็นำนักดนตรีสนับสนุน โดยที่มีพวกเครื่องเป่ามาเล่นด้วย Ted Andreadis (keyboards harmonica background vocals) Diane Jones (background vocals) Roberta Freeman (background vocals) Tracy Amos (background vocals) 976-Horns: Lisa Maxwell (horns) Cece Worrall (horns) Anne King (horns)


9 ธันวาคม 1991 ทางวงก็เล่นที่ Madison Square Garden ต่อหน้าผู้ชมกว่า 160 000 คน 31 ธันวาคม 1991 ฉลองปีใหม่กันที่ Joe Robbie Stadium 180 000 คน อูยยยย 20 - 22 มกราคม 1992 Live at Tokyo Dome โชว์สามรอบคนดูรวม 250 000 คน และทำมีการบันทึกเทปอีกด้วย 20 เมษายน 1992 ทางวงได้ไปร่วมในคอนเสิร์ท The Freddie Mercury Tribute Concert for AIDS Awareness. ต่อหน้าผู้ชมเต็มสนาม Wembley 170 000 คน โดยที่พวกเค้าร้องเพลง Paradise City และ Knockin On Heavens Door และร่วมร้องกับป้าแอ๋ว (Elton John) ในเพลง Bohemian Rhapsody และ We will rock you & We are the Champion 12 พฤษภาคม - 4 กรกฏาคม 1992 ทัวร์ยุโรป รวมแฟนเพลงกว่า 600,000



คน ตั๋วขายหมดเกลี้ยงจ้า 9 กันยายน 1992 Axel ด่า Courtney Love (เมีย Kurt Kobain) ว่า You shut your ###### up or I m taking you down to the pavement! ทาง Kurt ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่า Shut up ######! ให้กับเมียตัวเอง ในงานเปิดตัวหนังสือ Come As You Are The Story Of Nirvana ของ Michael Azerrad 8 ธันวาคม 1992 ทางวงปล่อยบันทึกการแสดงสดครั้งแรกของวงออกมา โดยใช้ชื่อว่า Use Your Illusion World Tour 1992 In Tokyo ไปหามาดูกันนะครับ มันส์สุดๆ เลยล่ะ ในช่วงนี้ทางวงก็ออกทัวร์อีกหลายร้อยโชว์ โดยที่มีผู้ชมหลายแสนคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตั๋วจะขายหมดหรือไม่หมด อุอุ อ่อ...ช่วงนี้ทางวงก็เริ่มทำอัลบั้มใหม่เหมือนกันด้วย 23 พฤศจิกายน 1993 ทางวงก็ออกอัลบั้มใหม่ ซึ่งเป็น Cover Album ออกมา คือ The Spaghetti Incident? เดือนมิถุนายน 1994 Gilby Clark ถูกไล่ออกจากวง เดือนตุลาคม 1994 Slash s Snakepit ซึ่งเป็นวงเดี่ยวของ Slash ทำอัลบั้มเสร็จ และจะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 1995 กุมภาพันธ์ 1995 Slash s Snakepit ออกวางจำหน่าย โดยที่มีสมาชิกดังนี้ Slash Gilby Matt Sorum Eric Dover (ต่อมาก็มาตั้งวง Jelly fish) และ Mike Inez (Alice in chain)



30 ตุลาคม 1996 Slash ลาออกจากวง ทางวงก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงทะเลาะและมีปัญหากันตลอดเวลา สาเหตุก็คือเรื่องเงินและสุรา+ยาเสพติด เดือนมกราคม 1997 Axl ก็ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธ์ชื่อ Guns N Roses แต่เพียงผู้เดียว 21 กรกฏาคม 1997 ครบรอบ 10 ปี Appertite fot Destruction เดือนสิงหาคม 1997 Duff ลาออกจากวง 16 มีนาคม 1999 Steven Adler เป็นผู้รับรางวัล Diamond Award จาก RIAA เนื่องจากอัลบั้ม Appertite for Destruction ขายได้เกิน 15 ล้านแผ่นทั่วโลก 30 พฤษจิกายน 1999 อัลบั้ม Live Era 87 - 93 ออกวางจำหน่าย ในช่วงนี้ก็มีนักดนตรีชื่อดังหลายคนเข้าๆ ออกๆ วงกันเป็นว่าเล่น โดยมีราบชื่อดังนี้ Bryan Brain Mantia Buckethead and Robin Finck และ Josh Freese และก็ช่วงนี้ Slash Duff และ Matt ก็รวมตัวกันอีกครั้ง โดยมี Josh Todd มาร้องนำและ Keith Nelson มาเล่นกีต้าร์ให้ ในงาน Randy Castillo Tribute หลังจากนั้นพวกเค้าก็ร่วมกับ Sen Dog (Cyperss Hill) และ Steven Tyler จาก Aerosmith ออก Single มา มีเพลง It s So Easy God Save The Queen Nice Boys Lit Up Paradise City และ Mama Kin หลังจากนั้น Axl และ G N R ของเค้าก็ออกทัวร์อีกครั้ง ถ้าจำได้ ไอ้ Buckethead เอาเคเอฟซีบักเกตมาสวมหัว ทำให้คล้ายๆ Slash อ่ะ จำได้มั้ย 555 6 มิถุนายน 2003 Scott Weiland Duff McKagan Matt Sorum Slash และ Dave Kushner รวมตัวกันฟอร์มวง Velvet Revolver 15 มีนาคม 2004 Geffen ออกรวมงาน Greatest Hits ในยุโรป โดยที่ติดอันดับ 1 ใน 9ประเทศ ที่อังกฤษ ติดอันดับหนึ่งนานถึง 5 สัปดาห์ 23 มีนาคม 2004 Greatest Hits วางจำหน่ายที่อเมริกา ติดอันดับ 3 ทันที สุดท้ายแระ 7 ธันวาคม 2004 Velvet Revolver เข้าชิง Grammy Award สาขา Best Hard Rock Performance Best Rock Song และ Best Rock Album หมดซะที ยาวเหยียดสะใจดีมะ สำหรับข่าวคราวของวงก็ไปติดตามกันเอาเองนะ จริงๆ แล้ว ยังมีอีกเยอะที่ไม่ได้แปลมา เพราะมันเยอะจัด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ทางวงอาละวาด ทำลายข้าวของ ข่าวเรื่องเมาแล้วเปรี้ยว โดนจับเรื่องยา สุดท้ายวง Heavy Metal ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค 80 ก็ต้องจบลงไป โดยที่จะกลับมารวมตัวกันอีกคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าเงินถึงจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเห็น Guns N Roses สมาชิกเดิมและอัลบั้มใหม่แน่นอน Guns N Roses s Biography

Sweet Child O' Mine Music Video
------------------------------------

Teddy Ska Band are
1. ปริญญา รัตนชูโต ( แอ๊นท์ ) Lead Vocal
2. เมธี เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ( เม ) Guitar
3. ภาคี นาวี (โย ) Bass
4. การุญ นคร (โชแปง ) Drum
5. ปิยะวิทย์ ขันธศิริ ( แชมป์ ) Violin
6. สายรุ้ง สิบหมื่นเปี่ยม ( รุ้ง ) Trumpet
7. ชัยชนะ มูลเดช ( ต่าย ) Trombone

     Teddy Ska Band เกิด จากสมาชิก 2 คนที่เคยเรียนด้วยกันที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ คือ โย และ โชแปง ในตำแหน่งเบส และ กลอง โดยใช้ชื่อในตอนนั้นว่า Skaberry ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งปีได้ร่วมเล่นดนตรีกับนักดนตรีหลายคนเพื่อคัดเลือก สมาชิกเข้าร่วมวง Skaberry จนได้มาเจอ เม ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของโย และ โชแปง ที่ วิทยาลัยนาฏศิลปและ ต้น ซึ่งเล่นดนตรีร้านเดียวกัน ก็เลยชักชวน เม มาเป็นมือกีตาร์ของวง แต่ในตอนนั้น ต้น ยังเรียนอยู่ เลยไม่สามารถร่วมวง Skaberry ได้ เลยได้ไปชักชวน ตุ๊กตา สุจิตรา ลิกขไชย มาร้องนำ และ ได้ทำอัลบั้มกับค่าย Genie Record 1 อัลบั้ม โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า Skaberry ในปี 2005
     หลัง จากที่ได้ออกอัลบั้มไปแล้ว ตุ๊กตา ก้อได้แยกตัวออกไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว เลยชวน ต้น กลับมาร้องนำ โดยเปลี่ยนชื่อวงเป็น Teddy Ska Band สมาชิกทั้ง 4 ก้อได้ตะเวนเล่นดนตรี ตามผับ ในแนว Ska ซึ่ง ได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ฟังเกินคาด เพราะผับที่เล่นแนวนี่มีค่อนข้างน้อย ด้วยดนตรี Ska ที่มีจังหวะสนุก และ โชว์ที่ค่อนข้างแหวกแนว ทำให้วงเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น เพื่อต้องการสีสันเพิ่ม จึงได้ชวน แชมป์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ มาเล่น ไวโอลิน ในแบบ Ska, รุ้ง และต่าย ซึ่งเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยราชภัฎ พระนคร ของ เม และ ต้น มาเล่น ทรัมเป็ต และ ทรอมโบนตามลำดับ ทำให้วงมีความสมบูรณ์มากขึ้น และได้การตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ
     ปัจจุบัน Teddy Ska Band เล่นอยู่ที่ Brick Bar ถ.ข้าวสาร ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ เวลาตั้งแต่เที่ยงคืน เป็นต้นไป และ ร่วมเล่นงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Ska Reggae หลายงานด้วยกัน และตอนนี้ทำอัลบั้มโดยไม่สังกัดค่ายเพลง
ปัจจุบันต้นได้ขอแยกตัวไปจากวงด้วยเหตุผลส่วนตัว เลยได้แอ๊นท์ซึ่งเคยร้องกับวงแนวดิสโก้ชื่อบิ๊กแด๊ดดี้ มาร้องนำแทน

ประวัติวงดนตรี

  KAI-JO BROTHERS  เป็นวงดนตรีเร็กเก้ อันดับต้นๆของประเทศไทย  เสน่ห์คือดนตรีเร็กเก้ที่มีสไตล์เป็นของตนเองกับส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง ดนตรีในแบบเร็กเก้ สกา ร็อกสเตดี้ โซล หลากหลายรูปแบบ ผสมความเป็นไทย ซึ่งกลายเอกลักษณ์ที่เรียกกันว่า New Root Reggae นอกจากเสียงร้อง  ยังมีการแรปแบบ regga muffin และเนื้อหาของเพลงที่ทั้งสนุก ประหลาด กวนประสาท แถมปรัชญาชีวิตครบถ้วน รวมทั้งการแสดงสดอันสนุกสนาน เร้าใจ  ไม่ได้นั่งกันยันเลิก  เรียกว่าเป็นวงที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่หันมาสนใจเรกเก้กันเป็นแถว และเป็นวงที่ผลิตงานเองทุกขั้นตอนทั้ง งานภาพ และ เสียง

        เพลงเร็กเก้  มักจะพูดถึงเรื่องราวของชีวิตในแง่มุมต่างๆ  ทั้งในเรื่องอารมณ์ ความรัก  สังคมที่เราอยู่  แนวความคิด  สิ่งแวดล้อม  รวมไปถึงเรื่องการเมืองด้วย  เพราะฉะนั้นเพลงเร็กเก้ก็คล้ายกับเพลงเพื่อชีวิต  แต่อยู่ในดนตรีและวิธีการพูดที่แตกต่างกัน  แล้วแต่สไตล์ของศิลปินนั้นๆ ในส่วนของวงไคโจ  เลือกที่จะใช้วิธีการแทรกซึมมากับความสนุกของดนตรี  เหมือนกับตลกร้าย แต่สอดแทรกแนวความคิดและมุมมองต่างๆมาด้วย                
 
        
สมาชิก  

สรพันธ์  กิ่งพะโยม  Music Director /Percussion/Rap
โสธีระ  ชัยฤทธิไชย  Vocal / Rap
พันจิตต์  ไชยทองขาว  Drum      
ภควัต  ตันสกุล   Piano / Hammond Organ / Technique K1000 Keybord / Saxophone    
Plaloma999  Vocal / Guitar
พัลลภ  ชมถาวร  Bass
พุฒิธร  เทพบุตร  Guitar Surf
ศุภสิทธิ์  พูลภิญโญ  Trumpet
รุ่งธรรม  ธรรมการ  Trombone / Rap
ทศพล  ขำรักษา  Percussion
BIOGRAPHY :

2002 PARADISE
2005 Single Album Took Took Breakdown
2006 Reggae Passion
2007 Kai-Jo Brothers DUB (Special Album)
2008 Born to be free
2001  1st single “How will I know”  เข้าชาร์จFAT RADIO อยู่ไมต่ำกว่า 8 สัปดาห์
2002 1st  Full album “Paradise”
- ติดชาร์ตFAT RADIO อันดับ 2 คือเพลง Let go to the sea ตามมาด้วยเพลงParadise และ เสน่หา
- เข้าชิงmusic video ยอดเยี่ยมของ Channal V ในเพลง Paradise โดยการกำกับของโจ้ สรพันธ์ กิ่งโพยม
- เป็นตัวแทนประเทศไปโชว์ที่งาน Singapore music festival
- เพลง let go to the sea ใช้เป็นเพลงประกอบสื่อโฆษณา miss universe ที่จังหวัดภูเก็ต  และได้ขึ้นโชว์ในงานดังกล่าว
2005 single album “tuk tuk breakdown”
- เข้าชาร์จ fat radioอันดับสอง
- เป็นปีแรกที่ได้เล่นงานfat radio เกิดปรากฎการณ์ที่ทุกคนร้องตามได้ในท่อน “นัดเพื่อนไปประตูน้ำ  ไปกินน้ำตก ตก ตก ตกกะใจ ไอ เจอ ฝรั่งตัวโต”
2006 2nd album “Reggae passion”
- เพลงtuk tuk breakdown เข้าชิงรางวัล มิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยมของChannal V อีกครั้ง ด้วยฝีมือผู้กำกับคนเดิม
- เข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ด
- เข้าชิง 2 รางวัล ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม จากคมชัดลึก อวอร์ด
- เข้าร่วมเทศกาลดนตรีที่ปาย เร็กเก้ มิวสิกเฟสติวัล
- เข้าร่วมงาน พัทยา มิวสิก เฟสติวัล
2007 Limited album “Kai jo brother dub”
 เป็นการหยิบเพลงเก่าของไคโจมาทำใหม่ในเวอร์ชั่นdub วางขายในงานfat festival เกลี้ยงในพริบตา
2008   มกราคม  สถานีโทรทัศน์ของแคนาดามาขอสัมภาษณ์
          กุมภาพันธ์ เล่นงาน ปาย เร็กเก้ มิวสิกฯ ครั้งที่3
          เมษายน ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ Pattaya  papaya
          กรกฎาคม  รวบรวมนักดนครีคอเดียวกัน  เปิดReggae Village เพื่อเผยแพร่เพลงในทางเร็กเก้ให้เป็นที่รู้จัก
          สิงหาคม  ปล่อยซิงเกิ้ลอัลบั้มใหม่ล่าสุดเพลง บอร์น ทู บี ฟรี  เข้าชาร์จFat Radio ตั้งแต่สัปดาห์แรกและขึ้นชาร์จอันดับหนึ่งภายใน 3 สัปดาห์ และปัจจุบันยังอยู่ในอันดับTop 5ของชาร์จ
          12 กันยายน  อัลบั้มชุดที่3 บอร์น ทู บี ฟรี (Born to be free) วางแผง